วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log week 4 ( Outside Class )



               ปัจจุบันภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เข้ามามีบทบาทมากในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ทุกคนต้องขวนขวายความรู้ทางด้านภาษาให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นย่อมทราบดีว่า คนจะเรียนรู้ภาษาให้ซาบซึ้งสามารถใช้ภาษาเข้าสู่สังคมและวัฒนธรรม สามารถใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสังคมวัฒนธรรมตามสถานการณ์ได้ในทุกทักษะของภาษา  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ดีจะมีโอกาสในการจ้างงาน และได้รับการสนับสนุนส่งเสริมในงานในหน้าที่ให้ยิ่งขึ้นไป  มากกว่าผู้ที่ไม่มีทักษะทางภาษาเลย  นั่นก็คือต้องมีทักษะการฟังและการพูดเป็นอย่างน้อย อันเนื่องจากภาษาอังกฤษมีการใช้กันทั่วโลกมากกว่าภาษาอื่นๆ มีการเรียนการสอนกันทั่วโลกมากกว่าภาษาอื่นจึงคิดให้เป็นภาษาสากลที่ติดต่อสื่อสารได้ทั่วโลก ดังนั้นการเรียนการสอนในระดับเริ่มเรียนรู้ภาษานั้น คงต้องเน้นการมีส่วนร่วมทางภาษาให้มากที่สุด คือผู้เรียนต้องเรียนรู้จากการฟังและพูดอย่างเป็นธรรมชาติจนเกิดทักษะ เริ่มจากการพูดในชีวิตประจำวันในครอบครัว แล้วค่อยขยายออกไปสู่โลกภายนอกมากขึ้น เพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ในการศึกษาขั้นสูงขึ้น
การเรียนภาษาจากการฟัง มีหลายรูปแบบ เช่น การดูหนัง การฟังเพลง การฟังวิทยุหรือข่าว ทั้งนี้ดิฉันได้แนวคิดเกี่ยวกับเคล็ดลับฝึกภาษาอังกฤษผ่านการดูหนัง การฝึกทักษะฟังภาษาอังกฤษผ่านการดูหนังเป็นเทคนิคหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะประหยัดเงิน ไม่ต้องไปเสียค่าเรียนแพงๆ ตามสถาบันสอนภาษาแล้ว ผู้เรียนยังได้ฝึกภาษาแบบเพลินๆ ผ่านเรื่องราวที่สนุกสนานในหนังอีกด้วย เคล็ดลับข้อที่หนึ่ง อย่าดูรวดเดียวจบ ในการดูหนังเพื่อฝึกภาษานั้น ไม่ควรดูรวดเดียวจบโดยไม่พักเลย ควรปล่อยให้สมองได้มีช่วงเวลาพักบ้าง เพราะเวลาดูหนังเพื่อฝึกภาษาเราต้องเพ่งสมาธิและคิดตามมากกว่าการดูปกติ หากตะบี้ตะบันฝืนดูไปเรื่อยๆ จะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ลดลงโดยใช้เหตุ กรณีที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกภาษา ยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญทักษะการฟังมากนัก ควรเลือกหนังที่เคยดูมาแล้วรอบนึงจะดีกว่า เพราะจะได้โฟกัสกับการฝึกภาษาได้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงเนื้อเรื่องมากนัก และควรค่อยๆ ไต่ระดับโดยเริ่มจากเลือกหนังที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาไม่ซับซ้อน แล้วค่อยทยอยเพิ่มระดับความยากมากขึ้นตามความชำนาญ
ข้อสอง ปิดซับไตเติ้ล การดูหนังพร้อมซับไตเติ้ลภาษาไทย จะทำให้สับสนมากกับศัพท์บางคำมากยิ่งขึ้น เพราะด้วยบริบททางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน บางทีซับไตเติ้ลภาษาไทยก็อาจจะแปลไม่ตรงกับภาษาอังกฤษเป๊ะๆ อีกอย่างหนึ่งคือ พอเปิดซับไตเติ้ลแล้วคนดูส่วนใหญ่ก็จะเผลอตั้งใจอ่านแต่ซับไปโดยอัตโนมัติ ทำให้ประสิทธิภาพในการฟังลดลง แต่สำหรับมือใหม่หัดฟังที่ดูแบบไม่มีซับไตเติ้ลแล้วมึนตึ้บไม่ไหวจะเคลียร์ อนุญาตเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษเป็นตัวช่วยได้บ้าง แต่นั่นก็อาจจะทำให้ฝึกทักษะการอ่านมากกว่าการฟัง ข้อสาม ดูเรื่องหนึ่งหลายๆ ครั้ง ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ การทำซ้ำหลายๆ ครั้ง เป็นสิ่งที่สมองคนเราโปรดปรานมาก เพราะยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมเข้าไปเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งจดจำได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น หากเลือกหนังที่มีบทสนทนาเป็นธรรมชาติ สามารถจดจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ก็จะดีไม่น้อย และควรเลือกหนังที่ตรงกับความสนใจของเรา จะช่วยให้มีแรงจูงใจในการฝึกมากขึ้น
ข้อสี่ ไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าใจทุกคำทุกประโยค หากต้องการฟังให้เข้าใจทุกคำทุกประโยคแบบสมบูรณ์แบบ คุณจะไม่มีวันดูหนังเรื่องนั้นจบ เพราะบางทีแม้แต่เจ้าของภาษาเองเขาก็ไม่ได้เข้าใจทุกคำขนาดนั้น แค่พอใจจับความให้รู้เรื่องว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรก็พอแล้ว และลองพูดตามสิ่งที่ได้ยินไปด้วย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟังและยังได้ฝึกออกเสียงให้ใกล้เคียงเจ้าของภาษาอีกด้วย ซึ่งในขณะที่พูดตามนั้น คุณไม่จำเป็นต้องพยายามแปลความหมายของศัพท์ทุกคำ ลองฝึกเดาศัพท์จากบริบทดูบ้าง และถ้าเจอคำศัพท์ที่น่าสนใจก็ค่อยจดเก็บไว้ แล้วนำมาหาความหมายทีหลัง ข้อห้า ฟังอย่างตั้งใจไม่วอกแวกสมัยนี้เรามักชอบทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน นั่งทำงานไปเช็คโทรศัพท์มือถือ เล่นเฟซบุ๊ค เล่นไลน์ไปด้วย แต่ในชั่วโมงของการฝึกภาษา ควรเอาสมาร์ทโฟนไปวางไว้ให้ห่างมือ และตั้งใจโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน แต่เน้นการฝึกต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาดในช่วงแรกอาจจะรู้สึกว่าฟังไม่ค่อยทันบ้างก็อย่าเพิ่งท้อใจ พยายามสะกดจิตตัวเองเข้าไว้ว่าเราต้องทำได้ เราต้องเก่งขึ้น ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ ขอแค่ตั้งใจและอดทน สักวันหนึ่งต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
ดิฉันเองเลือกที่จะเรียนภาษาอังกฤษผ่านการดูหนังเรื่อง Super Typhoon เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นวาฬสีน้ำเงิน ซึ่งก่อตัวขึ้นและเริ่มโจมตีใส่เมืองชายฝั่งทะเลของ ไต้หวันที่กำลังเจริญเติบโตด้วยเงินลงทุนจำนวนหลายพันล้าน สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเมื่อไต้ฝุ่นเพิ่มกำลังแรงขึ้น และถล่มใส่เมืองอย่างไม่เคยเจอมาก่อน ผู้ว่าและทีมงานจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตคนทุกคนให้พ้นจากหายนะครั้งนี้ หนังเรื่องงนี้ไม่ได้มีเพียงฉากการเอาตัวรอด แต่หากได้มีการให้แง่คิดในด้านศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ โดยผู้ว่าซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องได้ให้แง่คิดจากบทบาทการแสดงว่าประชาชนทุกคน หรือแม้ตัวผู้ว่าแอง ก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ได้แบ่งความสำคัญตามฐานะหรือความมั่งมี ทุกคนสำคัญเท่ากัน จากการดูหนังเรื่องนี้ทำให้ดิฉันทราบซึ้งถึงความเป็นผู้นำของท่านผู้ว่า ที่เลือกที่จะตัดสินใจช่วยเหลือคนคนเดียวแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เพราะพายุวาฬสีน้ำเงินกำลังก่อตัวถล่มเมือง ท่านผู้ว่ามีจิตใจงาม และรักประชาชนของเขาจริงๆ สิ่งที่เขามันเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลประชาชน และที่สำคัญเขาทำด้วยใจรัก ไม่ได้ทำเพื่อหน้าที่ไปวันๆ
หนังเรื่อง Frozen เรื่องราวของคำทำนายที่ทำให้อาณาจักรหนึ่งต้องตกอยู่ภายใต้ฤดูหนาวอันเยือกเย็น และโหดร้ายตลอดกาล แอนนาสาวน้อยช่างฝัน จึงร่วมมือกับคริสตอฟ มนุษย์ภูเขาผู้กล้าหาญ ในการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่เพื่อที่จะตามหาราชินีหิมะ และยุติคำสาปน้ำแข็งอันหนาวเหน็บที่ปกคลุมอาณาจักรแห่งนี้มาอย่างยาวนาน การผจญภัยสุดหฤโหดภายใต้สภาวะอากาศอันโหดร้ายดั่งเทือกเขาเอเวอร์เรส การเผชิญหน้ากับสัตว์ในตำนานและมนตราในทุกย่างก้าว แอนนาและคริสตอฟ ต้องฝ่าฟันและเอาชนะทุกอย่างที่มาขัดขวางการปกป้องอาณาจักรจากการล่มสลาย จากการดูหนังเรื่องนี้ทำให้ดิฉันได้ข้อคิดเกี่ยวกับความรัก เช่น Love takes time. (ความรักคือการเดินทางไกล กว่าจะถึงหัวใจ มันต้องใช้เวลารักง่าย ก็หน่ายเร็ว จะรักให้เป็น ต้องใช้เวลา) Family always comes first. (ครอบครัวต้องมาก่อนเสมอคนรัก ไม่สำคัญเท่า ครอบครัวที่เรารัก) Let it go. (อย่าจมอยู่กับอดีตออกไปใช้ชีวิตให้เต็มร้อยซะตั้งแต่วันนี้) True love doesn’t give up. (รักแท้ไม่มีคำว่ายอมแพ้คุณจะชนะทุกสิ่ง เมื่อคุณทำมันด้วย ความรัก

จากการดูหนังทั้งสองเรื่องทำให้ดิฉัน ได้รับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการดูหนังด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่ ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คำศัพท์ Slang และ Technical Terms , ทักษะการฟัง (Listening skills) , ความคุ้นเคยกับสำเนียงต่างๆ หลักการใช้ Grammar และ Tenses ต่างๆและอื่นๆ โดยเราจะได้ความรู้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่า มีความอดทนและความพยายามมากน้อยเพียงใด   ได้คำศัพท์ใหม่ๆ สามารถจดจำคำศัพท์ได้บ้าง สามารถเดาเรื่องจากการดูภาพได้บ้าง แม้บางตอนอาจจะฟังไม่เข้าใจ เพราะนักแสดงพูดเร็วบ้าง แต่ก็สนุกกับการเรียนรู้ภาษาผ่านการดูหนัง นอกจากนั้นยังได้ข้อคิดจากการดูหนังทั้งสองเรื่อง ในเรื่องแรกจะเป็นข้อคิดเกี่ยวคุณธรรม ศีลธรรม การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยใจในสถานการณ์ที่วิกฤต แม้ตนเองจะตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก เรื่องที่สองจะเป็นข้อคิดเกี่ยวกับความรัก ได้ข้อคิดเกี่ยวกับความรัก ทั้งนี้การดูหนังเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่มีประโยชน์และสนุก  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น