วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

The Passive

การแปล เป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญกับผู้ที่เรียนภาษา เพราะการแปลจะทำให้เราทราบความหมายของเนื้อหา หากเราเข้าใจบริบท เข้าใจโครงสร้างประโยค และยังทำให้เรามาสารถเรียนรู้วัฒนธรรมทางภาษาได้อีกด้วย แต่การที่เราจะเริ่มแปลได้นั่น เราจะต้องมีความรู้พื้นฐานทางด้านไวยากรณ์ที่ดีในระดับหนึ่ง เพราะไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษมีลักษณะที่ซับซ้อน ฉะนั้นเราต้องทำความเข้าใจกับไวยากรณ์ที่ซับซ้อนให้ก่อน เราจึงจะสามารถแปลได้อย่างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
ในการเรียนวิชาการแปลในครั้งนี้ อาจารย์ได้สอนในเรื่อง The Passive เพื่อปรับความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้กับผู้เรียน เพราะพื้นฐานทางด้านไวยากรณ์ของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ฉะนั้นทุกคนต้องทำความเข้าใจก่อน ในเรื่องของ Passive เป็นรูปแบบของประโยคที่บอกให้ทราบว่าประธานถูกกระทำอย่างไร โดยใคร โดยรูปแบบประโยคจะขึ้นต้นด้วยกรรมเป็นอันดับแรก ตามด้วยกริยาที่ถูกกระทำ และตามด้วยผู้กระทำท้ายประโยค
วิธีการแปลประโยค passive ให้เป็นภาษาไทย สำหรับโครงสร้างแบบ Passive Voice จะแปลว่า ถูกกระทำ เป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งแปลว่า ได้รับการกระทำนั้น ดูจะเหมาะกว่า เช่น He was punished by his teacher a few days ago. เขาถูกลงโทษ โดยครูของเขาเมื่อ 2 - 3 วันก่อน แต่ He was loved by his friends. เขาได้รับความรักจากเพื่อน ๆ ของเขา (เราไม่พูดว่า เขาถูกรัก) Mrs. Brown was promoted . (by someone) นางบราวน์ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง (ไม่ได้ระบุว่าโดยใคร แต่น่าจะสันนิษฐานได้เองว่าจากผู้มีตำแหน่งสูงกว่าตัวบางบราวน์เอง)
โครงสร้าง passive voice จะคล้ายกับ tense ทั้ง 12 แตกต่างกันที่ passive จะคู่กับกริยาช่องที่ 3 ทุก tense ดังนี้ simple tense ในรูปแบบของ passive คือ Subject + verb to be +  past participle tense (v3)  ตัวอย่างประโยคเช่น John is helped by Mary. จอห์นได้รับความช่วยเหลือจากมารี จอห์นเป็นกรรมเนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากมารี ต่อมาคือ present continuous tense ในรูปแบบของ passive คือ Subject + verb to be + being + past participle tense (v3) ตัวอย่างประโยคเช่น John is being helped by Mary. ต่อมาเป็น Present Perfect tense มีโครงสร้างประโยคในรูปแบบของ passive คือ Subject + verb to have + been + past participle tense (v3) ตัวอย่างประโยคเช่น John has been helped by Mary.
จะเห็นได้ว่าโครงสร้างประโยค Present tense ในรูปแบบของ passive จะมี past participle tense (v3) และ verb to be มาเกี่ยวกันทุกกาลเวลา
            ต่อมาเป็น Past tense ในรูปแบบของ Passive จะแบ่งออกเป็น 3 กาลเวลา คือ simple past tense, past continuous tense และ past perfect tense แต่ละกาลเวลามีโครงสร้างประโยคในรูปแบบของ passive ดังนี้ สำหรับ simple past tense มีโครสร้างประโยค Subject + was/were + past participle tense (v3) ต่อมาเป็น past continuous tense  มีโครงสร้างประโยค Subject + was/were + being + past participle tense (v3) และ past perfect tense มีโครงสร้างประโยค Subject + had been + past participle tense (v3)
            ต่อมาเป็น Future tense ในรูปแบบของ Passive จะแบ่งออกเป็น 3 กาลเวลาเช่นกัน คือ simple future tense, be going to และ future perfect แต่ละกาลเวลาจะมีโครงสร้างประโยคในรูปแบบของ passive ดังนี้คือ Subject + will be + past participle tense (v3) จะเป็นโครงสร้างของ simple future
Subject + be going to + be + past participle tense (v3) และ future perfect มีโครงสร้างคือ Subject + will have been + past participle tense (v3) จะเห็นได้ว่า แต่ละกาลเวลาเมื่อมาเขียนเป็น Passive จะมี verb to be และ past participle tense (v3) มาเกี่ยวข้องทุกครั้ง
            นอกจากการเรียนเรื่อง Passive ในห้องเรียน ดิฉันยังศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง Passvie ด้วยอีกส่วนหนึ่งคือ การใช้ Modal กับ Passive ซี่งสามารถสรุปการใช้ได้ดังตาราง
Modal verbs
Verb to be
Past participle tense (v3)
may,might
can, could
must, haveto
ought to, used to

                  + be +

Past Participle
V3
            จากการเรียนเรื่อง Passive ทำให้ดิฉันได้ฟื้นฟูความรู้เกี่ยวกับ Tense เพื่อนำมาปรับใช้กับการเรียนวิชาการแปล เพราะโครงสร้างไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษมีลักษณะที่ซับซ้อน ฉะนั้นการที่เราศึกษาและได้ทำความเข้าใจกับโครงสร้างไวยากรณ์ จะทำให้เราเข้าใจความหมาย และการสื่อความหมายของภาษาเป้าหมายได้ดี นอกจากนี้ยังทำให้ดิฉันเกิดแรงบันดาลใจในการฝึกทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Passive มากขึ้น และดิฉันหวังว่าดิฉันจะมีพัฒนาการทางด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่มากขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น