การเรียนรู้นอกห้องเรียนของดิฉันในสัปดาห์นี้คือ การฝึกร้องเพลงสากลตามเนื้อเพลงใน Youtube เพลงที่ดิฉันฝึกร้องคือ เพลง Love Me Like You Do เพราะคำศัพท์ที่ใช้ในเพลงนั้นไม่อยากจนเกินไป และสามารถออกเสียงตามได้ง่าย เริ่มต้นด้วยท่อนแรกคือ You’re the light, you’re the night. You’re the color of my blood. จะสังเกตได้ว่าคำศัพท์ในเพลงนั้นไม่ยากจนเกินไป และสามารถออกเสียงตามนักร้องได้ และสิ่งหนึ่งที่ทำให้มีออรถรสมากขึ้นคือการเน้นเสียงหนักเบาของคำในประโยค จึงทำให้สนุกไปกับการร้องเพลงด้วย จากประโยคดังกล่าวทำให้ดิฉันได้ฝึกการออกเสียงควบของคำว่า You’re และตระหนักถึงการออกเสียงในส่วนของ final sound ซึ่งเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ เช่นคำว่า light , night และ blood
ท่อนต่อมาคือ You're the cure, you're the pain. You're the
only thing I want to touch. Never knew that it could mean so much, so much. ดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มเติม คือคำว่า cure แปลว่า
การรักษา และคำว่า pain แปลว่า ความเจ็บปวด
นอกจากนั้นประโยคในท่อนเพลงนี้ มีหนึ่งคำที่ดิฉันสงสัยว่ามาจากอะไร
มีความหมายว่าอย่างไร จึงทำให้ดิฉันไปศึกษาเพิ่มเติมและได้ข้อมูลว่า wanna มาจาก want to แปลว่า ต้องการ (การกระทำ) ตามด้วย verb
เช่น I wanna go home. I don’t wanna go. หรืออีกความหมายหนึ่งคือ
wanna มาจาก want a แปลว่า ต้องการ
(สิ่งของ) ใช้ตามด้วย noun เช่น I wanna coffee.
You're the fear, I don't care. Cause I've never been so
high จากประโยคดังกล่าว ดิฉันสังเกตเห็น Present simple tense
คือ You're the fear. แปลว่า
เธอคือความน่ากลัว และ I don't care. แปลว่า ฉันไม่สน
ซึ่งโครงสร้างประโยคบอกเล่าของ Present simple tense คือ Subject
+ verb 1 และโครงสร้างประโยคปฏิเสธ คือ Subject + do/does +
not + verb 1 นอกจากนั้นยังพบประโยค Present perfect tense คือ Cause I've never been so high. ซึ่งโครงสร้างประโยคนี้ก็คือ
Subject + have + verb 3 ประโยคนี้หมายความว่า
เพราะฉันไม่เคยเมารักเท่านี้มาก่อน ทำให้เพลงท่อนนี้มีความหมายโดยรวมว่า
เธอคือความรักแต่ฉันไม่สนใจ เพราะฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
Follow me through the dark. Let me take you past our satellites. จะสังเกตได้ว่าประโยคทั้งสองไม่ได้ขึ้นต้นด้วย noun เหมือนประโยคทั่วไป
แต่ขึ้นต้นด้วย verb ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลพบว่า follow
, let , make , help , please จะตามด้วย Object pronoun และต่อด้วย verb 1 เท่านั้นไม่มี to ท่อนต่อมาคือ You can see the world you brought to life, to life.
มีความหมายว่า เธอจะได้เห็นโลก ที่เธอมอบชีวิตให้กับมัน
จากท่อนนี้ที่ดิฉันเคยออกเสียงคำว่า brought ผิด เมื่อฟังจากการออกเสียงของนักร้อง
ทำให้เกิดการเลียนแบบและออกเสียงถูกต้องชัดเจนมากขึ้น
Fading in, fading out. On the edge of paradise. Every inch, of your
skin. Is a holy grail I've got to find. Only you can set my heart on fire, on
fire. จากเพลงท่อนน้ำให้ดิฉันได้คำศัพท์ใหม่ คำว่า fade แปลว่า เลือน จาง , คำว่า edge แปลว่า เส้นขอบ , paradise แปลว่า สวรรค์ , คำว่า inch แปลว่า ตารางนิ้ว , คำว่า grail แปลว่า สิ่งที่รอคอยมานาน , คำว่า holy แปลว่า ซึ่งศักดิ์สิทธิ์ ความหมายโดยรวมของเพลงท่อนนี้คือ
เลือนหายกลับไปกลับมาอยู่บนขอบสวรรค์ ทุกๆตารางนิ้วบนเรือนร่างของเธอ คือจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันต้องตามหาให้พบ
มีเพียงเธอเท่านั้นที่ทำให้หัวใจฉันลุกเป็นไฟได้
จากการฝึกร้องเพลงนี้ทุกวัน
ทำให้ดิฉันเริ่มจำเนื้อร้องได้บ้างแล้ว และยังได้คำศัพท์จากบทเพลงนี้อีกมากมาย
แล้วยังได้ฝึกการออกเสียงคำศัพท์แต่ละคำให้ถูกต้องตามต้นฉบับของเจ้าของภาษา
การฝึกร้องเพลงในช่วงแรกอาจมีอุปสรรคบ้าง
แต่การฝึกบ่อยๆทำให้เราผ่าด่านอุปสรรคไปได้ และทำให้เกิดความภาคภูมิใจขึ้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น