วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log week 6 ( Inside Class )



             การใช้ภาษาอังกฤษนั้นเราต้องเข้าใจในส่วนของคำ  วลี  อนุประโยค  และประโยคตามลำดับ  จึงจะสามารถทำให้เราสื่อสารหรือสามารถแปลความหมายได้  หากเราเข้าใจสิ่งเหล่านั้น  คำ  วลี  อนุประโยค  และประโยคก็สามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท  ซึ่งส่วนใหญ่มีความเกี่ยวโยงสัมพันธ์ด้วยกันทั้งนั้น  ทั้งนี้เรียนวิชาการแปลต้องมีความรู้ในเรื่องการแปลความจากคำ  วลี  หรือประโยค  และต้องมองประโยคให้ได้ว่าส่วนไหนเป็นภาคประธานหรือภาคแสดง  เพราะบางประโยคมีการละหรือลดคำในประโยค  อาทิเช่น  Adjective  clause
            Adjective  clause  เป็น  subordinate  clause  ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำ  adjective  คำหนึ่ง  คือ  ทำหน้าที่ขยายคำนามและคำสรรพนาม  และบางครั้ง  adjective  clause  จะถูกเรียกว่า  relative  clause  เพราะใช้  relative  pronoun  นำหน้าประโยค  เช่น  Thomas  married  a  woman  who  works  in  his  office. ( who  works  in  his  office  เป็น  adjective  clause  ทำหน้าที่ขยาย  a  woman  ที่อยู่หน้า  โดยมี  who  ซึ่งเป็น  relative  pronoun  นำหน้า  adjective  clause  The  bell.  Which  hangs  in  the  library,  is  over  a  hundred  years  old  which  เป็น  relative  pronoun  นำหน้า  adjective  clause  คือ  which  hangs  in  the  library  และไปขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า  คือ  bell  ( นเรศ  สุรสิทธิ์,  2542  ซ  205 – 214
            ในแต่ละประโยคของ  Adjective  clause  จะมี  relative  pronoun  ปรากฏอยู่  ซึ่งมันคือ  คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยค  subordinate  clause  เข้ากับประโยค  main  clause  โดยให้เชื่อมหรือขยายคำนามหรือคำสรรนามที่วางอยู่ข้างหน้าประโยค  subordinate  clause  เข้ากับประโยค  main  clause  โดยให้เชื่อมหรือขยายคำนามหรือคำสรรนามที่วางอยู่ข้างหน้าประโยค  adjective  clause  ซึ่งจะมีคำเชื่อมที่ทำหน้าที่นำหน้าประโยคอยู่  2  ชนิดด้วยกัน  คือ  Relative  Pronoun  ได้แก่  การใช้แทนคนในกรณีที่เป็นประธาน  Who / that  กรณีที่เป็นกรรม  whom / who / that  กรณีที่เป็นส่วนขยาย  Possessive  :  whose  การใช้แทนสิ่งของในกรณีที่เป็นประธาน  which  that  กรณีที่เป็นกรรม  which  / that  กรณีที่เป็นส่วนขยาย  Possessive  :  whose / of  which  ประเภทที่  2  คือ  Relative  Adverb  ได้แก่  Where,  When,  Why
            ตำแหน่งของ  Relative  clause  1.  ประโยค  relative  clause  เมื่อใช้ขยายคำนามหรือคำสรรพนามตัวใดให้วางประโยค  relative  clause  ไว้หลังคำนั้นทันที  เช่น  The  man  who  lives  next  color  is  a  teacher  who  lives  next  door  ขยายคำนาม  man  ที่อยู่ข้างหน้า  ซึ่งบอกเราว่าใครที่อยู่ห้องถัดไป  เมื่อขยาย  man  จึงนำ  who  lives  next  door  ไปวางท้าย  man  )  ที่อยู่ข้างหน้า  ซึ่งบอกเราว่าใครที่อยู่ห้องถัดไป  เมื่อขยาย  man  จึงนำ  who  lives  next  door  ขยายคำนาม  man  ที่อยู่ข้างหน้า  ซึ่งบอกเราว่าใครที่อยู่ห้องถัดไป  เมื่อขยาย  man  จึงนำ  who  lives  next  door  ไปวางท้าย  man )  2.  เมื่อใช้  relative  pronoun  แทนคำนามหรือคำสรรพนามในประโยคแล้ว  ให้ตัดคำนามหรือสรรพนามที่  relative  pronoun  ใช้แทนออกไป  เช่น  John  married  a  woman  who  works  in  his  office  ( ถูก )  John  married  a  woman  who  she  works  in  his  office.  ( ผิด )  ประโยคดังกล่าวมาจาก  2  ประโยคด้วยกัน  คือ  John  married  a  woman.  และ  A  woman  ( she works  in  his  office  จากประโยคข้างต้นมีประธานเป็นคน  คือ  A  woman  หรือ  she  ใช้  who  แทนประธานคนแล้งตัดคำถาม  A  woman  หรือ  she  ออก  เพราะ  who  ใช้แทนแล้ว
  Relative  clause  หรือ  adjective  clause  แบ่งออกเป็น  2  ชนิด  ซึ่งทั้งสองชนิดจะแตกต่างกันตรงที่มี  comma  ( , )  และไม่มี  comma  ดังนี้  1.  Defining  relative  clause  หรือ  Restrictive  clause  คือ  Adjective  Claus  ที่ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือคำสรรพนามที่เป็น  head  word  ของประโยค  main  clause  โดยจะไม่ใส่  comma  มาคั่นระหว่าง  adjective  clause  และ  head  word  เพราะคือว่า  adjective  clause  ชนิดนี้มีความสำคัญและจำเป็นกับประโยคหลัก  โดยถ้าตัด  adjective  clause  ที่เป็น  defining  relative  clause  ออกแล้วจะทำให้ความหมายของประโยคหลักไม่สมบูรณ์
            Relative  clause  ประเภทที่  2.  Non-Defining  Relative  clause  หรือ  Nonrestirctive  clause  คือ  adjective  clause  ที่วางไว้หลังคำนามหลักของประโยคหลัก  ซึ่งคำนามที่  non-defining  relative  clause  ไปวางอยู่ด้านหลังนั้นมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว  ดังนั้นการเพิ่ม  non-defining  relative  clause  เข้าไปในประโยคหลักจึงไม่ได้หมายความว่าไปขยายคำนามหลักในประโยคหลักโดยตรง  เพราะแม้ไม่มี  non-defining  relative  clause  มาขยายคำนามหลักก็ยังมีความหมายสมบูรณ์อยู่เช่นเคย  แต่การใส่  non-defining  relative  clause  เข้ามาก็จะเป็นเพียงการเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับคำนามหลักเท่านั้น  ดังนั้น  non-defining  relative  clause  จึงมี  comma  ( , )  คั่นกลางกับคำนามหลัก  ( head  noun )
            Relative  Pronoun  ใช้กับคน  ( เฉพาะ  Defining  Relative  Clause )  1.  Who  และ  that  เป็นประธานใช้  who  และ  that  แทนคนโดยใช้เป็นประธานของประโยค  adjective  clause  โดยอาจจะอยู่ในรูปโครงสร้าง  Subject  +  who / that  +  Verb  2  +  Verb  1  หรือ  Subject  +  Verb  1  +  Who / that  +  Verb  2  ( หมายเหตุ  :  verb  คือ  กริยาตัวที่หนึ่ง,  Verb  2  คือกริยาตัวที่สอง )  เช่น  I  helped  the  boy  who  came  to  my  house  who  เป็นประธานของประโยค  adjective  clause  ใช้แทน  boy  ซึ่งเป็นคำนามเอกพจน์  ดังนั้น  who  จึงเป็นประธานเอกพจน์ )  I  thanked  the  man  that / who  helped  me.  ( that  และ  who  ใช้ตัวไหนก็ได้เพื่อให้เป็นประธานของประโยค  adjective  clause  โดยมีความหมายเหมือนกัน )
            Relative  Pronoun  ใช้กับคน  ( เฉพาะ  Defining  Relative  Clause )  2.  Whom,  Who  และ  That   ( เป็นกรรม )  ใช้  whom,  who  หรือ  that  เป็นกรรมของประโยค  adjective  clause  โดยใช้แทนคนรูปที่ใช้เป็นทางการจริง ๆ คือ  whom  แต่ถ้าใช้ในภาษาพูดมักจะใช้  who   และ  that  แทน  whom  โดยการนำ  whom,  who  และ  that  ที่อยู่ในรูปกรรมนี้วางไว้ต้นประโยค  adjective  clause  โดยจะวางคำ  pronoun,  whom,  who  และ  that  ไว้ใกล้กับคำนามที่ไปขยายมากที่สุด  แต่ก็มีบางครั้งที่  whom,  who  และ  that  ที่อยู่ในรูปกรรมถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจ  โดยไม่ปรากฏในประโยค  adjective  clause  เลย  ส่วนโครงสร้างที่เห็นบ่อย ๆ คือ  Subject  1  +  whom / who / that  +  Subject  2  +  Verb  2  +  Verb  1  เช่น  The  man  whom  I  saw  told  me  about  John  หรือจะ  whom  ก็ได้
            Relative  Pronoun  ใช้กับคน  ( เฉพาะ  Defining  Relative  clause )  3.  Whom,  Who  และ  That    ( ใช้กับ  preposition  Preposition  ที่ใช้กับ  whom,  who  และ  that  ในประโยค  adjective  clause  ถ้าเป็นการใช้แบบทางการจริง ๆ แล้วจะวาง  preposition  ไว้หน้า  whom,  who  และ  that  แต่ปัจจุบันนี้นิยมวาง  preposition  ไว้ท้ายกริยาของประโยค  adjective  clause  หรือท้ายประโยค  adjective  clause  ส่วน  relative  pronoun  ที่นิยมนำ  preposition  วางไว้หน้า  ปัจจุบันมีเพียง  whom  และ  which  เช่น  He  is  the  man. ( ประโยคหลัก )  I  told  you  about  him. ( adjective  clause )  =  He  is  the  man  about  whom  I  told  you.  ( about  เป็น  preposition  วางอยู่หน้า  pronoun – him  ซึ่ง  him  เป็น  pronoun  ในประโยครองใช้แทนคำหลัก  คือ  the  man  เมื่อ  him  เป็นกรรมต้องเปลี่ยน  him  เป็น  whom  ก่อน  ส่วน  about   เป็น  preposition  วางไว้หน้า  whom  รูปของ  Preposition  ใน  Adjective  Clause  จากประโยค  aHe  is  the  man.  bI  told  you  about  him.  เมื่อรวมประโยค  a  และ  เข้าด้วยกันจะได้รูปดังนี้  1)  He  is  the  man  about  whom  I  told  you.  2He  is  the  man  who / whom  I  told  you  about.  3He  is  the  man  that  I  told  you  about.  4He  is  the  man  --  I  told  you  about.  ( ละไว้ )  จากประโยค  a The  man  left  her  after  a  few  days.  bshe  fell  in  love  with  him.  เมื่อรวมประโยค  และ  เข้าด้วยกันจะได้รูป  ดังนี้  The  man  with  whom  she  fell  in  love  left  her  after  a  few  days.  จากประโยค  aThe  woman  is  my  best  friend.  bI  gave  the  car  to  her.  เมื่อรวมประโยค  และ  เข้าด้วยกันจะได้รูปดังนี้  The  woman  to  whom  I  gave  the  car  is  my  best  friend.
            Relative  Pronoun  ใช้กับคน  ( เฉพาะ  Defining  Relative  Clause )  4.  Whose  ( แสดงความเป็นข้าวของ )  Whose  ใช้แสดงความเป็นเจ้าของและใช้กับคน  โดยนำ  whose  +  noun  วางไว้ต้นประโยค  adjective  clause  แต่จะละ  whose  ไว้ในฐานที่เข้าใจเหมือน  whom / that / who  ไม่ได้  โดยระลึกไว้เสมอว่า  whose  มีความหมายเหมือนคำ  pronoun  แสดงความเป็นเจ้าของเหมือน  his,  her,  their,  its  เป็นต้น  เช่น  his  house                          whose  house  her  husband          whose  husband  เช่น  I  saw  the  man  whose  car  had  broken  downThe  film  is  about  a  spy  whose  wife  betrays  him . The  man  whose  watch  was  stolen  complained  to  the  police.  I  saw  the  student  whose  pen  was  stolen.  The  player  whose  goal  won  the  game  was  David  James.
            Relative  Pronoun  ใช้กับสิ่งของ  ( เฉพาะ  Defining  Relative  clause )  1.  Which  และ  That        ( ใช้เป็นประธาน )  ใช้แทนสิ่งของ  โดยที่  which  และ  that  จะคล้าย ๆ กับ  who  และ  that  ที่ใช้เป็นประธานของประโยค  แต่แตกต่างกันที่  which  และ  that  ใช้กับสัตว์-สิ่งของ  และถ้าเปรียบเทียบระหว่าง  which  และ  that  แล้ว  which  จะมีใช้มากกว่าและเป็นทางการมากกว่า  that  แต่ที่ต้องว่าคือ  which  และ  that  ถ้าแทนคำถามที่เป็นเยาพจน์หรือพหูพจน์ก็มีความหมายเป็นเอกพจน์และพหูพจน์ตามคำที่ตัวเองใช้แทน  เช่น  The  book  which  on  the  table  is  mine.  หรือ  The  book  that  is  on  the  table  is  mine.  ตัวอย่างข้างต้นแยกออกได้เป็น  2  ประโยค  ดังนี้
The  book  is  mine.  ( ประโยคหลัก )  It  is  on  the  table.  ( adjective  clause ) It  ในประโยคที่  2  แทน  the  book  ซึ่งเป็นสิ่งของอยู่ในประโยคที่  1  และเมื่อนำประโยค  adjective  clause  ไปรวม  ( ขยาย )  ประโยคหลักจึงต้องเปลี่ยน  pronoun  คือ  It  ให้อยู่ในรูป  relative  pronoun  และ  relative  pronoun  ที่ใช้กับสิ่งของและเป็นประธานของประโยคได้  มีเพียง  which  และ  that  จึงได้เป็น  which / that  is  on  the  table.  และเมื่อนำไปขยายคำว่า  book  ก็ต้องวางอยู่หลัง  book  ทันที
            Relative  Pronoun  ใช้กับสิ่งของ ( เฉพาะ  Defining  Relative  Clause )  2.  Which / That  ( ใช้เป็นกรรม )  Which  และ  That  ใช้แทนสิ่งของและใช้เป็นกรรมของกริยาในประโยค  adjective  clause  เหมือนกับ  whom,  who,  that  โดย  which  และ  that  จะวางอยู่หน้าประธานและกริยาของประโยค  adjective  clause  แต่ทั้ง  which  และ  that  ก็สามารถละได้ในฐานที่เข้าใจได้เช่นกัน  เช่น  The  book  which / that  I  read  last  night  wasn’t  very  good.  ประโยคนี้แยกได้เป็น  The  book  wasn’t  very  good.            ( ประโยคหลัก )  I  read  the  book ( it last  night.  adjective  clause )  ประโยคที่  1  ให้ความหมายไม่ชัดเพราะไม่ทราบว่าหนังสือเล่มไหน  ดังนั้นจึงมีประโยค  2  ไปขยาย  และ  the  book  ในประโยคที่  2  ซ้ำกับประโยคแรก  แต่  the  book  หรือ  it  ในประโยคที่  2  อยู่ในตำแหน่งกรรมจึงใช้  which / that  ทำหน้าที่เป็นกรรมแทน  which  ไม่นิยมวางหลัง  all,  everything,  little,  much,  none,  or,  superlative  degree  แต่จะใช้  that  แทน
            Relative  Pronoun  ใช้กับสิ่งของ  ( เฉพาะ  Defining  Relative  Claus )  3.  Which / That 
( ใช้กับ  preposition ) Preposition  ที่มี  which / that  เป็นกรรม  มักจะวางอยู่หน้า  which / that  มีบางครั้งที่วางอยู่ท้ายกระยาของประโยคหรือจะละไว้ก็ได้เช่นกัน  แต่ปัจจุบันมีเพียง  which  และ  whom  เท่านั้นที่นิยมวาง  preposition  ไว้หน้า  นอกนั้นมักจะวาง  preposition  ไว้ท้ายกริยา  เช่น  aThe  bed  was  very  comfortable. bI  slept  in  it  last  night.  =  The  bed  which / that  I  slept  in  last  night  was  very  comfortable. ( วาง  preposition  in  ไว้ท้ายกริยา )  หรือ  The  bed  in  which  I  slept  last  night  was  very  comfortable.  ( วาง  in  ไว้หน้า  which )  หรือ  The  bed  I  slept  in  last  night  was  very  comfortable  ( ละ  which  that )
            Relative  adverb  คือ  คำ  pronouns  จำพวก  where,  when  และ  why  ที่ใช้นำหน้าประโยค  adjective  clause  ดังนี้  1.  Where  ใช้ในประโยค  adjective  clause  เมื่อขยายคำถามที่บอกสถานที่  โดยใช้วางไว้หน้าประโยค  adjective  clause  เช่น  The  spot  where  Lincoln  was  buried  became  a  place  of  pilgrimage.  2.  When  ใช้ในประโยค  adjective  clause  เมื่อขยายคำนามที่เกี่ยวกับเวลา  โดยจะใช้วางไว้ในตำแหน่งเดียวกับ  where  เช่น  My  father  bought   this  property  in  1996  when  land  was  very  cheap.
3.  Why  ใช้นำหน้าประโยค  adjective  clause  เพื่อแสดงเหตุผลขยายคำนามหลักที่อยู่ในประโยคหลัก  เช่น  That  is  the  reason  why  I  insist  on  dropping  him.
            Relative  Pronoun  ใช้กับคน  (  เฉพาะ  non-defining  relative  clause )  1.  Who  ใช้เป็นประธานของประโยค  adjective  clause  โดยจะมี  comma   คั่นระหว่างประโยค  adjective  clause  กับคำนามหลักและคำนามหลักมันจะเป็น  proper  noun  ที่มีความหมายชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว  เช่น  Somsak,  who  prepared  the  reportno  longer  works  for  us.  2.  Whom  และ  Who  ใช้เป็นกรรมของประโยค  adjective  clause  และรูปที่ใช้เป็นทางการ  คือ  whom  โดยใช้แทนบุคคล  เช่น  His  wifte  Solada,  whom  he  trushed  absolutely,  turned  out  to  be  an  enemy  spy.  This  merning  I  met  Amy,  whom / who  I  nadn’t  seed  for  ayes.
            Relative  Pronoun  ใช้กับคน  ( เฉพาะ  non-defining  relative  clause )  3.  Whom  ( ใช้เป็นกรรมของ  preposition )  มักจะวางไว้หลัง  preposition  และจะละ  whom  ไว้ในฐานที่เข้าใจไม่ได้อีกด้วย  แต่สามารถวาง  preposition  ไว้หลังกริยาของประโยค  adjective  clause  ได้  เช่น  Michael  Chang,  who / whom  I  played  tennis  with    on  Sunday,  was  fitter  than  me.  หรือ  Michael  Chang,  with    whom  I  played  tennis  on  Sunday ,  was  fitter  than  me.  4.  Whose  แสดงความเป็นเจ้าของโดยใช้  whose  +  noun  เหมือน  defining  relative  clause  เช่น  Ann,  whose  children  are  at  school  all  day,  is  trying  to  get  a  job.
            Relative  Pronoun  ใช้กับสิ่งของ  ( เฉพาะ  non-defining  relative  clause )  1.  Which  ( เป็นประธานและกรรมของประโยค ) โดยถ้าเป็นประธานจะใช้เหมือน  who  และถ้าใช้เป็นกรรมจะใช้เหมือน  whom  ต่างกัน  แต่  which  ใช้แทนสิ่งของ  ส่วน  who,  whom  ใช้แทนคน  เช่น  The  8.15  train,  which  is  usually  very  punctual,  was  late  today.  2.  Which  ( เป็นกรรมของ  preposition )  จะเหมือนกับ  which  ที่ใช้เป็นกรรมของ  preposition  ใน  defining  relative  clause  เช่น  His  house,  which  he  paid  2,000,000  bath  for    ,  is  now  worth  10,000,000  baths.  หรือ  His  house,  for    which  he  paid  2,000,000  bath,  is  now  worth  10,000,000  baths.
            นอกจากที่กล่าวมายังมีคำที่สามารถใช้นำหน้า  relative  clause  และ  clause  อื่น ๆ ได้ด้วยดังนี้ 
1.  Whoever  ( เป็น  pronoun ผู้ซึ่ง  ( the  one  who  … )เขาผู้ซึ่ง  ( he  who )  หรือหล่อนผู้ซึ่ง    ( she  who whichever  (  เป็น  adjective  และ  pronoun )  ใช้เหมือน  whoever  เช่น  Whichever  of  us  gets  home  first  starts  cooking.
 2.  Whatever  ( เป็น  pronoun  และ  adjective whenever และ  whenrever  ใช้ดังนี้  My  roof  leaks  when / whenever  it  rains.  Go  anywhere / wherever  you  like.  Eat  whatever  you  like.
3. whoever,  whichever,  whatever, whatever,  wherever  และ  However  ใช้ในความหมายว่า  no  matter  who”  เช่น  I  will  find  her,  wherever  she  has  gone.  
      All  of  /  most  of  …  +  whom / which  ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่จัดอยู่ใน  relative  clause  เช่นกัน  พิจารณาจากประโยค  Mary  has  three  brothers.  All  of  them  are  married.  ( 2 ประโยค ) ทำให้  1  ประโยคได้ว่า  Mary  has  three  brothers,  all  of  whom  are  married.  ตัวอย่างที่  2  They  asked  me  a  lot  of  question.    I  couldn’t  answer  most  of  them.  ( 2 ประโยค ) ทำให้เป็น  1  ประโยค  ได้ว่า  They  asked  me  a  lot  of  questions,  Most  of  which  I  couldn’t  answer.  ในทำนองเดียวกันเราสามารถพูด  none  of / neither of / any of /either of / some of / many of / much of / ( a ) few of / both of / half of / each of / one of / two of / ect.  +  whom  ( คน ) / Which  ( สิ่งของ )  ( ศ.สุไร  พงศ์ทองเจริญ,  2553  :  191 )
      การลดรูป  adjective  clause  คำนำหน้า  who,  which  และ  that  ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของ  Adjective  clause  สามารถลดรูปเป็นกลุ่มคำต่าง ๆ ได้  โดยเมื่อลดแล้วจะกลายเป็นกลุ่มคำนาม  ดังนี้ 1.Appositive  Noun  Phrase  :  adjective  clause  ซึ่งมี  who,  which  และ  that  เป็นประธานสามารถลดรูปได้หากหลัง  who,  which  และ  that  มี  Be  และให้ตัด  BE  ออกด้วย  เมื่อลดรูปแล้วจะเป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า  Appositive  ดังนี้  Prof.  Chakarin,  who  is  my  thesis  adviser  will  retire  next  year.  ลดรูปเป็น  Prof.  Chakarin,  my  thesis  adviser  will  retire  next  year.
2.Prepositional  Phrase  สามารถลดรูปได้หากหลัง  who,  which  และ  that  มีคำกริยาบุพบท  ถ้าตัดคำกริยาออกแล้วเหลือแต่บุพบท  ยังมีความหมายเหมือนเดิมให้ตัดคำกริยาออกได้  เช่น  The  lady  who  is  dressed  in  the  national  costume  is  a  beauty  queen.  ลดรูปเป็น  The  lady  in  the  national  costume  is  a  beauty  queen .                       The  lady  in  the  national  costume  is  a  beauty  queen. 3.Infinitive  Phrase  สามารถลดรูปได้หากข้างหลังมีกริยาในรูป  BE  +  Infinitive  with  to  เช่น  He  is  the  first  person  who  is  to  be  blamed  for  the  violence  yesterdayลดรูปเป็น  He  is  the  first  person  to  be  blamed  for  the  violence  yesterday.  He  is  the  first  person  to  be  blamed  for  the  violence  yesterday.
4.Participial  Phrase  แบ่งออกเป็น  Present  Participial  Phrase  และ  Past  Participial  Phrase  ในกรณีที่ลดรูปเป็น  Present  Participial  Phrase  สามารถลดรูปได้หากหลัง  who  มีกริยาแท้  ลดรูปโดยตัด  who  และเปลี่ยนกริยาหลัง  who  เป็น  present  participle  ( V.ing )  เช่น  The  school  students  visited  the  national  museum  were  very  excited            The  school  students  visiting  the  national  museum  were  very  excited  หากลดรูปเป็น  Past  Participial  Phrase  สามารถลดรูปได้หากหลัง  which  และ  who  มีกริยาในรูป  Passive  form  ( Be + past  participle )  ลดรูปโดยไม่ตัด  which / who  และ  BE  ออกเหลือแต่  past  participle  เช่น  The  car  stolen  is  mine.               The  car  stolen  is  mine.  หรือ  The  stolen  car  is  mine.
            จากการศึกษาเรื่อง  Adjective  clause  และการลดรูป  Adjective  clause  อีกครั้ง  ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น  และสามารถนำเรื่องนี้ไปใช้ในการแปลบทความ  ข้อความต่าง ๆ ได้  เพราะเราสามารถมองประโยคออกว่าส่วนไหนคือประธาน  ส่วนไหนคือภาคแสดงอย่างแท้จริง  แม้ประโยคนั้นอาจจะถูกละหรือลดจนทำให้กลายเป็น  phrase  ฉะนั้นการศึกษาเรื่องนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก  โดยเฉพาะประโยคในหนังสือพิมพ์นั้นมีการลดและละคำ  ฉะนั้นเราสามารถนำ  Adjective  clause  มาใช้ได้ในการแปล  หากเรารู้ความเป็นมาของประโยค


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น