วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log week 5 ( Outside Class )


              คำศัพท์คือบันไดขั้นต้นในการเรียนภาษา จะสังเกตได้ว่านักเรียนหลายคนบอกว่าการอ่านภาษาอังกฤษพอได้แต่แปลไม่ออก นั้นเป็นเพราะว่าคลังคำศัพท์ในสมองยังน้อยเกินไป ถ้าสังเกตดูการเรียนภาษาของเด็กๆจะเห็นได้ว่าเขาเริ่มเรียนรู้ทีละคำ ต่อมาก็เป็นประโยคสั้นๆ และยาวตามลำดับ คำศัพท์นั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนภาษาอังกฤษ ยิ่งเรารู้คำศัพท์มากแค่ไหน เราก็จะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้คำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนเพราะมีการเกิดคำศัพท์ใหม่ๆขึ้นทุกวัน จนทำให้ผู้เรียนภาษาไม่สามารถจดจำได้หมด ฉะนั้นเราต้องมีกลวิธีในการจดจำคำศัพท์แบบไม่ต้องเหนื่อย นั่นคือการดูจาก Root , Prefix และ Suffix ของคำนั้นๆ
เฑียร ธรรมดา (2552 : 24)  เพียงรู้หน้าก็รู้ใจ เห็นข้างในเข้าใจถึงข้างนอก แม้บั้นท้ายมิอาจปกปิดความอันแท้จริง ศัพท์ภาษาอังกฤษแปลกหน้า ที่เราเจอกันในชีวิตประจำวัน รูปร่างลักษณะของคำมีการตีความหมาย ซึ่งเราจะสังเกตที่ใบหน้าศัพท์ เปรียบเสมือน Prefix , หัวใจศัพท์ เปรียบเสมือน Root และบั้นท้ายศัพท์ เปรียบเสมือน Suffix ทั้งสามอย่างนี้จะทำให้เราเข้าใจความหมายของคำศัพท์มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องท่องจำศัพท์มากมาย
ใบหน้าศัพท์ที่ให้ความหมายเชิงปฏิเสธ un เป็น Prefix ที่มีประโยชน์เพียงแค่เติม un ไปข้างหน้าศัพท์ ศัพท์เหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนความหมายไปในทางตรงกันข้ามคล้ายกับการปฏิเสธ เช่น happy มีความสุข พอใส่ un ไปข้างหน้าเป็น unhappy ก็กลายเป็นความสุขที่มันสูญหายกลายเป็นความทุกข์หรือเศร้าหมอง , equal แปลว่า เท่าเทียม เติม un ไปข้างหน้ากลายเป็น unequal ความหมายก็เปลี่ยนเป็น ไม่เท่าเทียม
ใบหน้าศัพท์ที่ให้ความหมายเชิงปฏิเสธ in ให้ความหมายในทางตรงกันข้าม เช่น correct แปลว่า ถูกต้อง เมื่อใส่ in ไปข้างหน้า กลายเป็น incorrect มีความหมายเป็นปฏิเสธตรงข้ามกัน แปลว่า ไม่ถูกต้อง , firm แปลว่า แข็งแรง พอเอา in ไปแปะข้างหน้า ความหมายจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคำว่า infirm แปลว่า อ่อนแอ ไม่แข็งแรง , complete มีความหมายว่า สมบูรณ์ เมื่อเปลี่ยนเป็น incomplete ความหมายจะกลายเป็นปฏิเสธตรงกันข้าม คือ ไม่สมบูรณ์ , secure แปลว่า มั่นคง ตรงข้ามกับ insecure แปลว่า ที่ไม่มั่นคง , active แปลว่า กระตือรือร้น เมื่อใส่ in ไป เป็น inactive แปลว่า ไม่มีความกระตือรือร้น เฉยๆ
ใบหน้าศัพท์ส่ายหน้าปฏิเสธ im  เช่น mortal แปลว่า ที่ต้องตายหรือร้ายแรงถึงตาย เมื่อเติม im ไปข้างหน้า เป็น immortal แปลว่า ที่ไม่ตาย เสียง m เป็นเสียงเดียวที่ผูกขาดในการใช้ริมฝีปากประกบกัน เสียง p ก็ใช้ริมฝีปากประกบเช่นกันเมื่อเปล่งเสียง เพราะเหตุนี้เราจึงเห็นคำศัพท์บางตัวที่มีส่วนหน้าของคำเป็นเสียง m และมีเสียง p เป็นเสียงตาม เช่น polite แปลว่า มารยาทดี ส่วน impolite แปลว่า ไม่มีมารยาท
หัวใจศัพท์ถูกสร้างเอามาสร้างคำศัพท์ให้มีหลากหลาย เช่น cred เป็นหัวของใจของระบบศัพท์ ความหมาของมันก็คือ เชื่อ มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า crederce  แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า to believe ซึ่ง cred ทำหน้าที่เป็นแก่นหรือหัวใจคำในภาษาอังกฤษ เมื่อเติม ible ไปต่อท้าย เป็น credible ศัพท์ตัวนี้ก้จะหมายความว่า ไม่สามารถเชื่อถือได้ ตัวเด่นของคำที่มีหัวใจมากจาก cred คือ credit เป็นคำที่นิยมใช้มาก ความหมายของมันก็คือ ความเชื่อถือหรือเกียรติ
บั้นท้ายศัพท์ –able กับ –ible นั้น แปลว่า สามารถ ดูที่ –able เช่น think แปลว่า คิด เป็นคำกริยา เมื่อเติม –able กลายเป็น thinkable ก็กลายเป็นคำคุณศัพท์ มีความหมายว่า สามารถคิดได้ , reason        มีความหมายว่า เหตุผล เติม –able ต่อท้าย กลายเป็น reasonable กลายเป็นคำคุณศัพท์ มีความหมายว่า สามารถอธิบายให้เหตุผลได้
บั้นท้ายศัพท์ –ful กับ –less คำว่า –ful หดสั้นมาจากคำว่า full ที่แปลว่าเต็มไปด้วย ส่วน –less เป็นคู่ตรงข้ามของมัน มีความหมายว่า ที่ปราศจากหรือไม่มี เช่น hopeful แปลว่า เต็มไปด้วยความหวังหรือมีหวังมาก ตรงข้ามกับ hopeless แปลว่า ปราศจากความหวังหรือสิ้นหวัง คำว่า useful แปลว่า ที่มีประโยชน์ ตรงข้ามกับ useless แปลว่า ที่ไร้ความหมาย คำว่า careful ที่มีความระมัดระวัง  ที่ใส่ใจในรายละเอียด ตรงข้ามกับ careless แปลว่า ที่ขาดความระมัดระวัง
            จากการศึกษาเรื่อง Prefix , Suffix และ Root จากหนังสือรู้ทันสันดานศัพท์ ทำให้ดิฉันเรียนรู้คำศัพท์เพิ่มมากขึ้น รู้จักวิธีสังเกตคำศัพท์จาก Prefix , Suffix และ Root ซึ่ง Prefix จะเป็นตัวกำหนดความหมายของคำศัพท์ และ Suffix คือตัวกำหนด parts of speech ของศัพท์ จากการทำความเข้าใจเรื่องนี้ ทำให้ไม่ต้องหมกหมุ่นกับการท่องจำศัพท์แบบเดิมๆ เพียงแค่เราเข้าใจ Prefix , Suffix และ Root เราก็สามารถเดาคำศัพท์ได้ง่าย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น