การอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ
การเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่ยังจะมีปัญหามากพอสมควร ว่าทำไมเด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนกระทั่งระดับมหาวิทยาลัยก็ยังคงเรียนอยู่ แต่ก็ไม่สามารถที่จะนำภาษาอังกฤษมาสื่อสารได้ดีเท่าที่ควร ฉะนั้นเราต้องมาแก้ไขที่วิธีการสอนของผู้สอน ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย การสอนภาษาอังกฤษแบบเดิมๆ อาจจะทำให้ผู้เรียนไม่เกิดการพัฒนาทางด้านภาษาอังกฤษเท่าที่ควร เนื่องจากกรเรียนแบบเดิมๆ เป็นการเรียนแบบท่องจำ ทำให้ผู้เรียนไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้เมื่ออยู่ในสถานการณ์จริงได้ เพราะผู้เรียนไม่เคยได้สัมผัสการใช้ภาษาในสถานการณ์จริงๆ
ทางศูนย์ภาษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จึงได้ร่วมมือกับ Thailand
TESOL เพื่อพัฒนาการสอนของผู้สอนให้ทันสมัย เข้ากับศตวรรษที่ 21
โดยมีการจัดอบรมในหัวข้อ วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21
โดยผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ในวันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 จะพูดถึงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อดีต
การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 และกลวิธีการเรียนการสอนภาษาในปัจจุบัน
โดยมีครูระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดใกล้เคียง
และนักศึกษาคณะครุศาสตร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3
เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้
ผศ.ดร.ศิตา
เยี่ยมขันติถาวร กล่าวว่า เดิมทีภาษาอังกฤษเริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อรัชกาลที่ 2 แต่ได้มีการเรียนภาษาอังกฤษจริงๆ ในรัชกาลที่ 4 ซึ่งเชื่อว่าผู้สอนศาสนาจะเป็นคนถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้
เมื่อเวลาผ่านไปรูปแบบการสอนก็เปลี่ยนแปลงไป
จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีวิธีการสอนที่หลากหลาย
มีทั้งแนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษา
แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นความเหมาะสมในการใช้ภาษา
และแนวการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการเนื้อหาและภาษา
แต่ละแนวการสอนก็จะมีวิธีสอนที่แตกต่างกันไป
แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษา
แบ่งออกเป็น 3 วิธีสอน คือ วิธีสอนแบบไวยากรณ์และแปล เป็นวิธีการที่ไม่เน้นการฟังและการพูด
แต่เน้นการเรียนไวยากรณ์และการแปล
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านบทอ่านได้เข้าใจและคุณค่าของคำประพันธ์ภาษาต่างประเทศ
เน้นการท่องจำ และความถูกต้องในการใช้ภาษา วิธีที่สองคือวิธีสอนแบบตรง
เป็นการเรียนภาษาที่ควรให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาอยู่ตลอดเวลา และสื่อสารได้
ราวกับอยู่ในสถานการณ์จริง
ซึ่งเริ่มจากการสอนระบบเสียงให้ผู้เรียนฝึกเลียนแบบเสียงและแยกเสียงให้ถูกต้อง
แล้วจึงให้ผู้เรียนฝึกฟังความหมายในประโยค วิธีสอนสุดท้ายคือ วิธีสอนแบบฟัง-พูด เริ่มจากการฟัง พูด ซึ่งเป็นพื้นฐานไปสู่การอ่านและการเขียน
ดังนั้นภาษาที่นำมาให้ผู้เรียนเรียนควรเป็นภาษาที่เจ้าของภาษาใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน
แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นการปฏิสัมพันธ์
มีวิธีสอน 7 รูปแบบ ได้แก่ วิธีสอนแบบเงียบ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ให้ผู้เรียนคิดเอง ผู้สอนจะพูดน้อยที่สุดและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พูด
วิธีต่อมาคือ วิธีสอนตามแนวธรรมชาติ เป็นการเลียนแบบการรับรู้ภาษาของเด็กเล็ก
ซึ่งเป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยที่ไม่มีใครสอน
แต่ยังให้ความสำคัญกับไวยากรณ์โดยใช้วิธีตรวจแก้ไขเรื่อยๆ วิธีสอนแบบชักชวน
เป็นการโน้มน้าวให้ผู้เรียนได้ใช้สมองของตนอย่างเต็มที่
ควรให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน ต่อมาคือวิธีสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง
เกิดจากการท่องจำหรือแสดงท่าทาง พัฒนาความเข้าใจในการฟัง
ถัดมาเป็นวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อยๆ
ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานร่วมกัน ถัดมาเป็นการเรียนรู้แบบเน้นภาระงาน
จัดการเรียนการสอนโดยเน้นภาระงานเป็นหลัก และสุดท้ายคือการเรียนรู้จากการทำโครงงาน
ผู้เรียนจะได้ลงมือคิด ปฏิบัติ หาทางแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยให้คำแนะนำ
แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นความเหมาะสมในการใช้ภาษา
มี 2 แบบคือ แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร และแนวการสอนภาษาแบบกำหนดสถานการณ์
ซึ่งการสอนแบบภาษาเพื่อการสื่อสาร
เป็นการเรียนรู้ตามลำดับขั้นตอนตามกระบวนการใช้ความคิดของผู้เรียน
โดยเริ่มจากกการฟังไปสู้การพูด การอ่าน การจับใจความสำคัญ ทำความเข้าใจ จดจำ
แล้วนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ต่อมาเป็นแนวการสอนภาษาแบบกำหนดสถานการณ์
โดยจะเน้นที่ตัวผู้เรียน
ผู้สอนและผู้เรียนเลือกสถานการณ์ที่คิดว่าผู้เรียนจะต้องประสบในการใช้ภาษา
แล้วจึงเอาภาษาที่ใช้ในสถานการณ์นั้นมาสอน
แนวการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการเนื้อหาและภาษา
มี 2 รูปแบบ ได้แก่ การสอนที่เน้นสาระการเรียนรู้
และการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ซึ่งการสอนที่เน้นสาระการเรียนรู้
เป็นการนำเนื้อหาวิชามาบูรณาการกับจุดหมายของการสอนภาษา
ผู้เรียนใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และในขณะเดียวกันก็พัฒนาการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารไปด้วย
เนื้อหาที่คัดเลือกมาควรบูรณาการการสอนภาษาทั้ง 4 ทักษะ คือการฟัง การพูด การอ่าน
การเขียน นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ และการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
เป็นกลวิธีการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ใช้วิธีการตั้งคำถามและกระบวนการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงความคิดรวบยอดจากวิชาและประสบการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน
แนวการสอนที่กล่าวมาข้างต้น
ผู้สอนสามารถนำมาปรับเปลี่ยนใช้กับการสอนของตนเองได้
และควรพัฒนาให้เข้ากับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ด้วย
ซึ่งองค์ความรู้ที่มีความสำคัญในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ประกอบไปด้วย ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาแม่ ทักษะการอ่าน
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และได้รับความรู้ต่างๆมากมาย
โดยเชื่อว่าการอ่านเป็นทักษะพื้นฐานในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทักษะการใช้ภาษาอื่นๆ
ได้แก่ การฟัง การพูด และการเขียน นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญในยุคศตวรรษที่ 21
ที่จำเป็นต้องบูรณาการในการจัดการเรียนการสอนพร้อมกับองค์ความรู้หลัก
มีทั้งหมด 5 ด้าน คือ ความตระหนักเกี่ยวกับโลก
ความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
ความรู้เข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพ และความรู้ความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อม
จากการเข้าอบรมในหัวข้อ
วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 โดยผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร
ดิฉันได้รับความรู้มากมายเกี่ยววิธีการสอน ที่ผู้สอนจำเป็นต้องพัฒนาให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนในยุคศตวรรษที่
21 โดยจะเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้
โดยมีผู้สอนเป็นผู้ชี้แนะเท่านั้น
สำหรับดิฉันเองสนใจในแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร
เพราะดิฉันคิดว่าการสื่อสารด้วยภาษาที่สองได้ มันมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษที่เข้ามามีบทบาทในสังคมขึ้นทุกวัน
ฉะนั้นแนวการสอนที่สามารถทำให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารได้ในสถานการณ์จริงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น